วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

สื่อการสอนวิทยาศาสตร์ เรื่อง...ค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับ อนุบาล 1 - 2 โรงเรียนสาธิต




ค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับ อนุบาล 1 - 2 โรงเรียนสาธิต


เป็นการรวมกิจกรรมของค่ายวิทยาศาสตร์น้อย ระดับ อนุบาล 1-2 ที่มีการจัดกิจกรรมไว้อย่างหลากหลาย




สามารถดูรายละเอียดของกิจกรรมได้ที่
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=0YDkBMdqNQw

วิจัยเรื่อง...ทักษะการสังเกตและการเปรียบเทียบของเด็กปฐมวยทั ี่ได้รับการจัดกิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการย้อมสี


ทักษะการสังเกตและการเปรียบเทียบของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการย้อมสี 



ความมุ่งหมายของการวิจัย 
การวิจยในครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาทักษะการสังเกตและการเปรียบเทียบของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ดวยการย้อมสี โดยเปรียบเทียบทักษะการสังเกตและการเปรียบเทียบ ก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการย้อมสี 

ความสําคัญของการวิจัย 
การวิจัยในครั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมการศึกษาสําหรับครู ผู้ปกครอง ผู้จัดการศึกษา รวมถึงผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการศึกษาได้ทราบถึงผลของการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการย้อมสีที่ส่งเสริมทักษะการสังเกตและการเปรียบเทียบของเด็กปฐมวัย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 
 1. แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการสีจํานวน 24 กิจกรรม 
 2. แบบทดสอบวัดทักษะการสังเกต 1 ชุด จํานวน 20 ข้อ
 3. แบบทดสอบวัดทักษะการเปรียบเทียบ 1 ชุด จํานวน 20 ข้อ 

วิธีการดําเนินการวิจัย 
1. ทําการทดสอบก่อนการทดลอง (Pretest) กับกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบทดสอบวัดทักษะ การสังเกตและการเปรียบเทียบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
 2. ผู้วิจัยเน้นการทดลองด้วยตนเอง โดยกลุ่มตัวอย่างได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ด้วยการย้อมสีซึ่งทําการทดลองในกิจกรรมสร้างสรรค์ใช้ระยะในการทดลอง 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 1 ครั้งๆ ละ 40 นาทีรวมทั้งสิ้น 24 ครั้ง
 3. หลังการเสร็จสิ้นการทดลอง ผู้วิจัยทำการทดสอบหลังการทดลอง  (Posttest) กับกลุ่ม ตัวอย่างโดยใช้แบบทดสอบวัดทักษะการสังเกตและการเปรียบเทียบฉบับเดียวกับแบบทดสอบที่ใช้ ก่อนการทดลองแล้วตรวจให้คะแนนตามเกณฑที่กำหนด 
 4. นําคะแนนที่ได้จากการทดสอบวัดทักษะการสังเกตและการเปรียบเทียบมาทำการวิเคราะห์ข้อมูล



สรุปผลการวิจัย  
1. หลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการย้อมสีเด็กปฐมวัยมีทักษะการสังเกต สูงขึ้นอย่างมี นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 
2. หลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการย้อมสีเด็กปฐมวัยมีทักษะการ เปรียบเทียบสูงขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 

ที่มา : http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Porntip_K.pdf

บทความเรื่อง....การสอนผิดๆ ทำให้นักเรียนไทยเกลียดวิทยาศาสตร์


การสอนผิดๆ ทำให้นักเรียนไทยเกลียดวิทยาศาสตร์ห้องเรียนที่ต้องเริ่มทดลอง กับ ‘ดร.โก้’


เกลียดวิทย์ฯ ตั้งแต่เด็ก? ไม่ต้องแปลกใจ เพราะวิชาวิทยาศาสตร์มักสอนคุณแบบผิดๆ เสมอ และเป็นไปได้ไหมที่การเรียนวิทยาศาสตร์จะช่วยปลุกหัวใจการเป็นนักทดลองของเด็กๆ
“พืชใบเลี้ยงเดี่ยวต่างจากพืชใบเลี้ยงคู่อย่างไร”
อยากรู้ก็เปิดไปหน้าถัดไปสิ หนังสือบอกไว้หมดแล้ว!
 กลายเป็นว่า เราเรียนวิทยาศาสตร์ทุกอย่างจากในตำรา หน้าที่ของคุณคือการท่องจำ ใครจำได้มากกว่าก็ตอบข้อสอบได้ โดยเขาอาจจะไม่เคยแยกแยะพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือพืชใบเลี้ยงคู่ได้เลยด้วยซ้ำทั้งชีวิต นอกจากภาพประกอบในหนังสือเรียน
เด็กๆ ถูกปิดกั้นการเรียนรู้ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด 4 – 7 ขวบ ทำไมการเรียนวิทยาศาสตร์ไทยภายใต้ระบบการศึกษาถึงไม่สร้างแรงบันดาลใจเลย? กลายเป็นว่าพวกเราค่อยๆ หันหลังให้กับวิทยาศาสตร์ทีละน้อยในตลอดช่วงอายุขัยของพวกเรา
อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่ขนมาทำการทดลอง ดูเหมือน ‘กองขยะ’ มากกว่าหลอดทดลองหรือบีกเกอร์ขนาดมาตรฐาน ประเมินด้วยสายตาแล้วสนนราคาไม่น่าจะถึง 200 บาท (ไม่รวมเตาแก๊สและเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดอ่ะนะ) ขวดพลาสติก กระป๋องอะลูมีเนียม อ่างน้ำ ต่างเป็นของเหลือใช้ที่บ้านใครก็มี (ขวดนมถั่วเหลืองยังมีถั่วติดอยู่เลยด้วยซ้ำ) แต่เด็กๆ กลับมองข้ามรูปลักษณ์ขี้เหร่เหล่านี้ เพราะพวกเขากำลังลุ้นว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์อะไรที่ตื่นตามากกว่า
“การเข้าใจสิ่งรอบตัวมันก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนมากมายอะไรหรอก มันอยู่ที่ ‘คนเรียน’ มากกว่าอุปกรณ์ ก็เลยพยายามทำออกมาให้ใครๆ ก็ทำได้”
 เสียงตูมตามและไฟวูบวาบเกิดเรียกเสียงโห่ร้องของเด็กๆ เมื่อ ดร.โก้ นำกระป๋องน้ำที่ต้มจนเดือดไปแช่ในน้ำอุณหภูมิที่ต่างกันอย่างกะทันหัน หรือเปลวไฟในขวดพลาสติกที่ชโลมด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล เด็กๆ เริ่มแสดงความคิดเห็นด้วยสมมติฐานต่างๆอย่างออกรส
เด็กๆจดบันทึกการทดลองในสมุดเล็กๆ ด้วยลายมือยุกยิก แต่ก็ละเอียดยิบพอตัว ทำไมเราถึงไม่เห็นแบบนี้ในระบบการศึกษาภาคบังคับอื่นๆบ้าง โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ ดร.โก้ บอกกับเราว่า
มันจะเรียนรู้ได้ ก็ต่อเมื่อคิดได้เองก่อน ทำอะไรเองได้ แต่สิ่งที่เราเรียนกันที่ประเทศไทย เป็นการทำลายให้คนที่ยังมีศักยภาพในการเป็นนักวิทยาศาสตร์ ให้หายไปเป็นล้านคน ทำลายเด็กๆ เหล่านั้นไปเลย กลายเป็นว่าคนพอโตขึ้นคนในประเทศเกลียดวิทยาศาสตร์ เกลียดคณิตศาสตร์ ซึ่งจริงๆ มันไม่ควรเกลียด มันเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษยชาติพัฒนาของเจ๋งๆ ออกมา
“แต่การเรียนวิทยาศาสตร์บ้านเรา คือจำมาแล้วตอบแข่งกัน แล้วก็แก้สมการยากๆ โดยที่พื้นฐานยังไม่ดี คนผ่านมันก็ผ่านได้ คนสอบตกก็เกลียดไปเลย ไม่มีใครซาบซึ้งวิทยาศาสตร์แล้วก็ลืมไปเสียง่าย  แทนที่จะเข้าใจอะไรลึกซึ้ง เห็นความคล้องจองและความสวยงามรายรอบตัว ผมว่ามันเสียเวลาในชีวิตของพวกเขาและเสียโอกาสด้วย”
วิทยาศาสตร์ในนิยามของผมเป็นกระบวนการในการเข้าใจอะไรก็ตาม โดยใช้หลักทางวิทยาศาสตร์ พยายามอธิบาย พยายามเดา แล้วทดลองด้วยตัวเอง พอมนุษยชาติเริ่มใช้ปัญญา เริ่มใช้วิทยาศาสตร์ มันจะเติบโตเร็วมาก”
ที่มา :https://thematter.co/byte/dont-hate-science-yet-learn-it-with-dr-ko/19775


บันทึกหลังการเรียนรู้ครั้งที่ 4

วันพุธ  ที่ 29 สิงหาคม 2561


     ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
  ทักษากระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นทักษะที่ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยสามารถคิดหาเหตูผล แสวงหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาได้ตมวัยของเด็ก ควรจัดกิจกรรมให้เด็กได้ลงมือกระทำด้วยตนเองจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก


มาตรฐานด้านผู้เรียน
-มาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาปฐมวัย
-มาตรฐาน มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์  คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ และมีความคิดสร้างสรรค์

สมองกับวิทยาศาสตร์
1.ตีความข้อมูลที่ได้รับเพื่อทำความเข้าใจ
2.หาเหตุผลเชื่อมโยงสิ่งที่คิดขึ้นเพื่อสืบค้นความจริง
3.ประเมินคุณค่าของสิ่งต่างๆเพื่อการตัดสินใจ
4.จำแนกองค์ประกอบเพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเรื่องนั้น






สิ่งที่กำหนดให้ 
สังเกต / จำแนก / วัต / สื่อความหมาย /ลงความเห็น / หาความสัมพันธ์ / การคำนวณ / เช่น วัตถุ สิ่งของ เรื่องราว เหตุการณ์หรือปรากฎการณ์ต่างๆ

หลักการหรือกฎเกณฑ์
เป็นข้อกำหนดสำหรับใช้แยกส่วนประกอบของสิ่งที่กำหนดให้ เช่น เกณฑ์ จำแนกสิ่งที่เหมือนกันหรือแตกต่างกัน

การค้นหาความจริงหรือความสำคัญ
เป็นการพิจารณาส่วนประกอบของสิ่งที่กำหนดให้ ตามหลักเกณฑ์แล้วทำการรวบรวมประเด็นที่สำคัญเพื่อหาข้อสรุป

           


เรื่อง...กระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ค่ะ
ขั้นที่ 1 กำหนดสิ่งที่ต้องการศึกษา
ขั้นที่ 2 กำหนดปัญหาหรือวัตถุประสงค์
ขั้นที่ 3 กำหนดหลักการหรือกฎเกณฑ์
ขั้นที่ 4 พิจารณาแยกแยะ
ขั้นที่ 5 สรุปคำตอบ



ประเมิน
ประเมินตนเอง : วันนี้อาจารย์ได้เตือนเรื่องเล่นโทรศัพท์ค่ะ จะปรับปรุงตัวใหม่ค่ะ
ประเมินเพื่อน : เพื่อนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์สอนดีค่ะ